รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยัน มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ต่างจากโครงการรถยนต์คันแรก ไม่ติดกับดักหนี้ระยะยาว ขณะที่ภาคเอกชนมองว่าเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคัก วันนี้ (16 ตุลาคม 2558) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้นักวิชาการจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ออกมาวิพากษ์วิจารณ์มาตรการดังกล่าวว่า หวั่นจะเป็นการซ้ำรอยเดิมเหมือนกรณีโครงการรถยนต์คันแรก
ทำให้วานนี้ (15 ตุลาคม) นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ว่าอาจจะส่งผลระยะยาวให้กลับมาติดกับดักหนี้เหมือนกับโครงการรถยนต์คันแรกในอดีต โดยระบุว่า แล้วคุณคิดอย่างไรกับมาตรการนี้ นักวิชาการคนไหนที่มาคอมเม้นท์เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะฉลาดมากเกินไปหน่อย เพราะนโยบายอสังหาริมทรัพย์ในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนให้คนที่อยากมีบ้านสามารถซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยได้ ซึ่งบ้านเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต นโยบายที่ออกมาไม่ได้เป็นการสนับสนุนให้คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแต่เป็นการสร้างอนาคต ดังนั้นตนจึงมองว่าไม่ได้เป็นการสร้างกับดักหนี้ เนื่องจากบ้านเมื่อซื้อไปแล้วจะมีมูลค่าสูงขึ้น ต่างจากรถยนต์ที่มูลค่าจะลดลง ด้าน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า มาตรการดังกล่าว เป็นมาตรการที่รัฐบาลควรจะทำตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะการที่อุตสาหกรรมภาคอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุก่อสร้าง เหล็ก สี รวมทั้งภาคบริการ ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกภาคส่วนให้กลับมามีความคึกคักได้
นายสุพันธุ์ กล่าวอีกว่า ตนมองว่าการที่ประชาชนถือครองอสังหาริมทรัพย์ไว้เป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับประชาชน รวมทั้งเป็นการลดต้นทุนค่าครองชีพไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้าน และเป็นการลงทุนระยะยาว ขณะที่ นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า มาตรการนี้มีส่วนช่วยประชาชนได้มาก เพราะค่าโอนถูกลง ทำให้ตัวเลขการซื้อขายดีขึ้น และไม่เหมือนกับโครงการรถยนต์คันแรก เพราะโครงการรถยนต์คันแรกเหมือนกินเฮโรอีน แต่มาตรการนี้จะช่วยเสริมกำลังเศรษฐกิจ
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก