การขอสินเชื่อธนาคารกู้ซื้อคอนโด ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอย่างที่ทุกคนคิด เพราะโดยทั่วไปแล้ว คุณสมบัติของผู้กู้ซื้อคอนโดและบ้าน เอกสาร ตลอดจนเงื่อนไขบางกระการของแต่ละธนาคารนั้นก็จะเหมือน ๆ กัน อาจมีแตกต่างกันที่อัตราดอกเบี้ย หรือหลักเกณฑ์การพิจารณาบางประการเท่านั้น ซึ่งในส่วนของหลักเกณฑ์นั้นเราไม่อาจทราบได้ว่าแต่ละธนาคารนั้นมีหลักเกณฑ์การปล่อยกู้ซื้อคอนโดและบ้านอย่างไร สิ่งที่เราสามารถทำได้คือเตรียมพร้อม รับมือกับทุกเกณฑ์การพิจารณาที่ธนาคารใช้ และเพื่อไม่ให้การขอสินเชื่อนั้นกินเวลานานเกินไป โดย CondoNewb ได้จำแนกแบ่งสรุปไว้ให้
รายได้ต่อสัดส่วนวงเงินสินเชื่อนั้นเปรียบเสมือน First Impression ที่ธนาคารจะใช้เพื่อประเมิณสถานะของผู้กู้ซื้อคอนโด คำว่ารายได้ในที่นี้ อาจรวมถึง ความมั่นคงของหน้าที่การงาน ความมั่นคงของนายจ้างและบริษัทที่เราทำงานอยู่ สัมพันธ์กับวงเงินที่ยื่นขอสินเชื่อหรือไม่ หากธนาคารปล่อยกู้ไป จะกลายเป็นหนี้เสียหรือเปล่า ซึ่งก็จะส่งผลถึงจำนวนเงินที่ธนาคารปล่อยกู้ด้วยนะครับ ว่าจะเต็มวงเงินที่เราขอหรือไม่
ตรงนี้สำคัญมากสำหรับคนที่ต้องการกู้ซื้อคอนโด เพื่อเป็นการยืนยันกับธนาคารว่า เรามีเงินเข้าออกบัญชีเป็นประจำทุกเดือน เดือนละเท่านี้ ซึ่งนั่นหมายความว่ารามีรายได้ที่มั่นคง สามารถผ่อนชำระหนี้ตามงวดได้ โดยเงินที่เข้าออกบัญชีนั้นจะต้องเป็นเงินที่มีความเคลื่อนไหวเป็นปกติ มีหลักฐานที่มาของรายได้ เช่น สลิปงินเดือน แต่ถ้าทำอาชีพอิสระ ก็แนะนำว่าให้ฝากเงินกับธนาคารที่เราจะทำการขอสินเชื่อ เพื่อให้ทางธนาคารสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างน้อย 6 เดือนครับ
ทางธนาคารจะขอตรวจสอบข้อมูลการชำหนี้ย้อนหลังของเรา ผ่านทางบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร ซึ่งจะมีข้อมูลการชำระหนี้และประวัติการขอสินเชื่อของเราทั้งหมดอยู่ในนั้น ฉะนั้น ถ้าหากเรามีวินัยในการชำระหนี้ที่ดี ไม่เคยจ่ายช้าหรือค้างชำระ ก็มีโอกาสสูงที่ธนาคารจะพิจารณาปล่อยสินเชื่อกู้ซื้อคอนโด ให้กับเราได้อย่างง่ายดายครับ
เงินเก็บในบัญชี แนะนำให้มีอย่างน้อย 20% ของวงเงินที่เราจะทำการขอสินเชื่อกันธนาคารเพื่อกู้ซื้อคอนโด ซึ่งเงินเก็บนั้น ยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะธนาคารจะมั่นใจได้ว่าเรานั้นไม่มีปัญหาทางการเงิน ซึ่งตรงนี้นิวบ์ต้องขอบอกเอาไว้ว่า มันจะมีผลกับวงเงินที่ธนาคารจะปล่อยให้เรา ซึ่งอาจจะไม่ได้เต็ม 100%
โดยเบื้องต้น หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ก็จะมี ดังนี้ครับ